ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันหนีไม่พ้นที่จะมีการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่และค่าครองชีพของแต่ละพื้นที่ การจับจ่ายนั้นถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพราะเราไม่สามารถที่จะผลิตของใช้สอยหรือจำเป็นที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกอย่าง ฉะนั้นก็ต้องซื้อจากผู้ผลิตหรือผู้เสนอขายมาเป็นเครื่องดำรงชีวิตไปในแต่ละวัน เพื่อให้ชีวิตอยู่ได้และดำเนินกิจกรรมประจำวันไปได้
วันๆ หนึ่งเราเจออะไรมากมายตั้งแต่ตื่นเช้าจนเข้านอน วิถีชีวิตแบบโบราณไม่ค่อยมีให้เห็นที่พึ่งเพียงธรรมชาติก็อยู่ได้ แต่กลับกลายเป็นชีวิตที่ต้องอยู่กับเทคโนโลยีและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตคนให้อยู่ได้ก็กลายเป็น “เงิน” เพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน การจับจ่ายใช้สอยจึงเกิดขึ้นเกือบทุกวัน
เราเคยคิดไหมว่าการจับจ่ายของเราสามารถที่จะเปลี่ยนเป็นรายได้ได้ ตราบใดที่เรายังต้องการอุปโภคบริโภคสิ่งเหล่านั้น เริ่มตั้งแต่ตื่นเช้า เราก็ต้องการยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ ครีมอาบน้ำ ฯลฯ เพื่อทำความสะอาดร่างกาย เมื่ออาบน้ำเสร็จเราก็ต้องมาแต่งตัวซึ่งจะมีเสื้อผ้า เครื่องสำอางต่างๆ ฯลฯ จากนั้นเราก็รับประทานอาหารเช้า ซึ่งอาจจะมีชา กาแฟ อาหารเสริมรวมอยู่ด้วย เพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปทำงานหรือทำภารกิจอย่างอื่น เมื่อถึงตอนเที่ยงก็ต้องรับประทานอาหารเช่นกัน รวมทั้งอาหารเย็น ในแต่ละครั้งเราก็ต้องล้างจาน ล้างภาชนะที่ใส่กับข้าว ซึ่งต้องใช้น้ำยาล้างจาน สำหรับน้ำที่ดื่มก็เราอาจจะดื่มจากเครื่องกรองน้ำที่ไม่ต้องซื้อน้ำขวด สิ่งต่างๆ เหล่านี้เราต้องเจออยู่แล้วทุกวันไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้
ทำไมเราไม่เปลี่ยนรายจ่ายเหล่านั้นให้เป็นรายได้หละ แทนที่เราจะไปซื้อของอุปโภคบริโภคจากร้านต่างๆ ซึ่งไม่มีผลกำไรหรือคืนเงินเหล่านั้นกลับมาในรูปแบบของสหกรณ์ ซึ่งจะได้ผลกำไรบางส่วนกลับมาหาเรา และกลายเป็นรายได้อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมา
วิธีการที่นิยมมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ การสมัครเป็นนักธุรกิจเครือข่ายขายตรง โดยการซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภคที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันจากบริษัทขายตรงที่เราสมัครเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งคนส่วนมากจะคิดว่าแพงเกินไป แต่คุณเคยคำนวณหรือเปล่าว่าสินค้าที่ซื้อมาเมื่อเทียบคุณภาพ ปริมาณ และราคาที่พอเหมาะแล้วไม่แพงอย่างที่คิดก็คุ้มค่าที่จะนำไปใช้ประโยชน์ แค่เราเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ได้แก่
- เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนมุมมอง คิดว่าซื้อจากที่อื่นนั้นเราไม่ได้ประโยชน์หรือผลตอบแทนอะไรกลับมาเลย เป็นการเสียเงินเปล่าๆ
- เปลี่ยนรสชาติเปลี่ยนรสนิยม สินค้า ถ้าเราใช้สินค้าจากบริษัทขายตรงอาจจะมีรสชาติที่ดีกว่า และสินค้าที่มีคุณภาพทำให้รสนิยมชมชอบของคนทั่วไปเห็นว่าเรามีฐานะทางการเงินที่ดี
- เปลี่ยนที่ซื้อ จากเดิมที่เราไปช๊อปปิ้งตามห้าง ร้านค้า ฯลฯ เราเปลี่ยนมาช๊อปปิ้งในศูนย์บริการของบริษัทขายตรง ซึ่งอาจจะทำให้เราประทับใจในบริการ และความเป็นกันเองของผู้ซื้อและผู้ให้บริการ ไม่ต้องรอคิวกันยาวเหยียดเพื่อที่จะซื้อสินค้าแต่ละอย่าง
- เปลี่ยนสุขภาพเรา สินค้าที่เราใช้อาจจะมีสารพิษหรือสิ่งเจือปนอยู่เยอะจากการที่ซื้อตามร้านค้าต่างๆ ทำให้สุขภาพเราทรุดโทรม ถ้าเราเปลี่ยนไปซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและมีการรับประกันสินค้าไว้ เมื่อรับประทานแล้วจะทำให้สุขภาพเราดีขึ้นจากสินค้าทั่วไป เราก็น่าจะใช้สินค้าของบริษัทขายตรงที่เราเป็นสมาชิกอยู่
ฯลฯ
เท่านี้เราก็มีรายได้กลับมาบ้างแล้วจากการใช้สินค้า แต่ถ้าเราทำเป็นธุรกิจหละจะทำอย่างไร เราก็เริ่มจากการนำสินค้าเหล่านั้นไปกับเราด้วยเมื่อต้องการใช้ ซึ่งอาจจะใช้ตอนพักเที่ยง หรือตอนที่สะดวกจะใช้ เพื่อให้ผู้อื่นได้เห็น ซึ่งเราอาจจะให้ทดลองใช้ หรือใช้ร่วมกันสำหรับสินค้าบางอย่าง เมื่อคนที่ใช้ซึ่งอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมธุรกิจ ฯลฯ ใช้แล้วเกิดความประทับใจ เราก็แนะนำให้ซื้อใช้จากเรา หลังจากนั้นก็ชักชวนเขาเข้ามาร่วมธุรกิจกับเรา
นี่ก็เป็นการใช้ชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ เท่านี้เราก็ได้ขยายธุรกิจออกไปแล้ว หลังจากเลิกงาน หรือทำธุระเสร็จแล้ว เราก็อาจจะชักชวนเขาไปฟังการบรรยาย หรือการอบรม ซึ่งเป็นความสมัครใจจะทำให้เขาเกิดความประทับใจและยินดีที่จะเข้าร่วมกับธุรกิจกับเราเต็มที่ เมื่อเขาเข้าใจแล้วก็แนะนำให้ทำแบบเรา โดยเริ่มจากการเปลี่ยนสินค้าที่ใช้ภายในบ้านมาเป็นสินค้าของบริษัทขายตรง ซึ่งอาจจะเริ่มเปลี่ยนไปทีละอย่างจนครบ ทั้งนี้ให้ดูฐานะการเงินของเขาด้วย จากนั้นก็ให้เขาไปแนะนำผู้อื่นซึ่งทำเช่นเดียวกับเรา
เมื่อเราแนะนำมากขึ้นหลายๆ คน ก็จะเกิดเป็นเครือข่ายบริโภคขึ้นมา เราก็จะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นรายได้ของเราเอง ซึ่งการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรงนี้ไม่มีผลกระทบกับงานประจำ หรืองานที่เราทำอยู่เลย แถมยังเพิ่มรายได้ให้กับเราอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับผู้ที่มีรายได้เยอะแล้วก็สามารถมาทำเป็นธุรกิจส่วนตัวเต็มเวลาเลยก็ได้ เพราะนอกจากจะมีรายได้ที่มั่นคงแล้ว ยังมีอิสรภาพ และเวลาให้กับครอบครัว เราจะทำอะไรก็ได้ไม่ขึ้นกับเวลาที่มาบังคับเราเหมือนการทำงานประจำ หรือทำธุรกิจส่วนตัวอย่างอื่น
มาดูว่าอะไรบ้างที่เราสามารถจะเปลี่ยนการจับจ่ายจากร้านค้าต่างๆ ไปซื้อที่บริษัทขายตรงที่เราเป็นสมาชิกอยู่
- เครื่องสำอาง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สำหรับใบหน้า ผลิตภัณฑ์สำหรับเรือนร่าง เช่น ลิปสติก ครีมถนอมผิว ครีมลดริ้วรอย ฯลฯ ซึ่งจะมีมากมายในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้อะไรให้เหมาะกับเรา หรือตามที่บริษัทขายตรงนั้นได้จัดจำหน่ายไว้ ซึ่งเราอาจจะใช้ยี่ห้ออื่นประกอบด้วยก็ได้ตามกำลังทรัพย์ที่เรามี
- ผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดและทะนุถนอมร่างกาย ได้แก่ สบู่ ครีมอาบน้ำ ยาสระผม ยาสีฟัน ลูกกลิ้งหรือสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ฯลฯ
- อาหารเสริม ได้แก่ โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ ฯลฯ
- ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายในบ้านและครัวเรือน ได้แก่ น้ำยาล้างจาน น้ำยาทำความสะอาดพื้นและห้องน้ำ ผงซักฟอก ฯลฯ
- ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ ปุ๋ย อุปกรณ์ช่าง ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก อุปกรณ์สำหรับห้องครัว เครื่องกรองน้ำ เครื่องฟอกอากาศ อาหารขบเคี้ยว ฯลฯ
สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมาเราสามารถหาซื้อได้ในบริษัทขายตรง ซึ่งผมยอมรับว่าคุณภาพเหนือกว่าสินค้าท้องตลาดทั่วไป และอีกอย่างที่ท้องตลาดทำไม่ได้ คือ ประกันความพอใจ 100 เปอร์เซ็นต์
เท่านี้คุณก็สามารถเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน และการจับจ่ายให้กลายเป็นรายได้ได้แล้ว เห็นว่าการทำธุรกิจเครือข่ายง่ายนิดเดียว ไม่ยากอย่างที่เราคิด หรือที่ได้พบเห็น พบเจอ
“แปลงรายจ่ายให้เป็นรายได้”
มีแค่นี้เองครับ |